Based on: https://reformationproject.org/case/gender-complementarity/
“ความคู่กันของชายหญิง” (Gender Complementarity) เป็นประเภทกลุ่มความคิด และไม่ได้เป็นข้อโต้แย้งในตัวของมันเอง แนวคิดนี้อ้างว่า เพศชายหญิงมีแบบแผนบรรทัดฐาน ทั้งที่แสดงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างเพศ แต่แบบแผนนี้คืออะไรกันแน่ไม่ได้ระบุไว้ และเมื่อเราลองพยายามเจาะลึก เราจะพบว่า
หลักการนี้กล่าวว่า ผู้ชายควรเป็นผู้นำและผู้หญิงควรเป็นผู้ตาม เราพบบรรทัดฐานชายเป็นใหญ่ในพระคัมภีร์ แต่พันธสัญญาใหม่ได้วาดภาพไว้ว่าในอาณาจักรของพระเจ้า ลำดับชนชั้นระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงได้ถูกขจัดไปแล้วในพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:28)
คุณสามารถศึกษาหัวข้อนี้เพิ่มเติมได้จากบทความ “ระบอบชายเป็นใหญ่” ในหนังสือ Bible, Gender, Sexuality: Reframing the Church’s Debate on Same-Sex Relationships ของ James V. Brownson

หลักการนี้กล่าวว่าชายหญิงคู่กันเพราะนำไปสู่การสืบวงศ์ตระกูล ปัญหาของหลักความเชื่อนี้มีอยู่สองประเด็นด้วยกัน
พระคัมภีร์ไม่เคยสอนว่า เพศสัมพันธ์ต้องเปิดโอกาสให้มีลูกเท่านั้นจึงจะถูกต้องตามศีลธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ไม่ได้กล่าวโทษคู่สมรสที่ไม่สามารถมีลูกได้ ชีวิตสมรสของอับราฮัมกับซาราห์ (ในปฐมกาล 18) และ เอลคานาห์กับฮันนาห์ (ใน 1 ซามูเอล 1) ต่างเป็นสิ่งถูกต้องแม้ตอนพวกเขายังไม่มีลูก
ในยุคปัจจุบัน คริสตจักรคาทอลิก ซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนหลักของแนวคิดนี้ ได้เปลี่ยนจุดยืนในเรื่องศีลธรรมของเพศสัมพันธ์ จาก “เพื่อการสืบวงศ์ตระกูลเท่านั้น” ไปเป็น “เพื่อเปิดโอกาสให้มีลูก” แสดงให้เห็นว่า คริสตจักรคอทอลิกไม่มีปัญหาถ้าคู่รักชายหญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้จะแต่งงานกัน ดังนั้นเหตุผลนี้จึงไม่สามารถนำมาใช้ปฏิเสธคู่รักเพศเดียวกันได้
คือแนวคิดที่ว่า ชายหญิงคู่กันทางร่างกายที่สอดใส่เข้ากันได้ เมื่อผู้โต้เถียงไม่สามารถเหตุตรงกันในเหตุผลที่ผ่านมาสองข้อได้ ก็มักจะสรุปลงที่ข้อนี้แทน

“เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดาและมารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”
— ปฐมกาล 2:24
เวลาคนอ้างเรื่อง “ความคู่กันของชายหญิง” (Gender Complementarity) คุณควรจะเจาะลึกลงไปว่าเขานิยามอย่างไร ด้วยว่าแนวคิดนี้มีความหมายที่หลากหลาย การไม่มีคำนิยามที่แน่ชัดทำให้เกิดการอนุมานไปต่าง ๆ นานา กลายเป็นถกไปคนละเรื่อง แถมยังไม่อยู่บนคำสอนจากพระคัมภีร์อีกด้วย