ชุมชนคริสเตียนที่ยืนยันอัตลักษณ์ของ LGBTQIA+

บทที่ 4: ความคู่กันของชายหญิง​ (Gender Complementarity) ไม่ใช่บรรทัดฐานของพระคัมภีร์

Based on: https://reformationproject.org/case/gender-complementarity/

คำถามชวนคุย 🗣️
  • คนที่ต่อต้านการแต่งงานของกลุ่มคนเพศหลากหลาย มักอ้างด้วยเหตุผลว่า ธรรมชาติก็ชี้ให้เห็นอยู่แล้วว่าเพศเดียวกันมันไม่สอดคล้องเข้ากัน คุณคิดว่านิยามของคำว่า “สอดคล้องเข้ากัน” เนี่ย มันคือด้านไหนยังไง?
คำสอนที่สนับสนุน LGBTQ+
💡
“ความคู่กันของชายหญิง” (Gender Complementarity) เป็นกลุ่มความคิดที่มีการตีความหลากหลาย ไม่ใช่บรรทัดฐานของพระคัมภีร์
คำสอนที่ไม่สนับสนุน LGBTQ+
เหตุผลสำคัญที่คริสจักรไม่ควรสนับสนุนความสัมพันธ์ของคนรักเพศเดียวกัน เพราะมันละเมิดหลักการที่พระเจ้าบัญญัติไว้ให้ชายหญิงคู่กัน

“ความคู่กันของชายหญิง​” (Gender Complementarity) เป็นประเภทกลุ่มความคิด และไม่ได้เป็นข้อโต้แย้งในตัวของมันเอง แนวคิดนี้อ้างว่า เพศชายหญิงมีแบบแผนบรรทัดฐาน ทั้งที่แสดงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างเพศ แต่แบบแผนนี้คืออะไรกันแน่ไม่ได้ระบุไว้ และเมื่อเราลองพยายามเจาะลึก เราจะพบว่า

แล้วมีการตีความในเรื่องความคู่กันแบบไหนบ้างล่ะ?

  1. Complementarianism

    หลักการนี้กล่าวว่า ผู้ชายควรเป็นผู้นำและผู้หญิงควรเป็นผู้ตาม เราพบบรรทัดฐานชายเป็นใหญ่ในพระคัมภีร์ แต่พันธสัญญาใหม่ได้วาดภาพไว้ว่าในอาณาจักรของพระเจ้า ลำดับชนชั้นระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงได้ถูกขจัดไปแล้วในพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:28)

    คุณสามารถศึกษาหัวข้อนี้เพิ่มเติมได้จากบทความ “ระบอบชายเป็นใหญ่” ในหนังสือ Bible, Gender, Sexuality: Reframing the Church’s Debate on Same-Sex Relationships ของ James V. Brownson

  2. Procreative Complementarity

    หลักการนี้กล่าวว่าชายหญิงคู่กันเพราะนำไปสู่การสืบวงศ์ตระกูล ปัญหาของหลักความเชื่อนี้มีอยู่สองประเด็นด้วยกัน

    • พระคัมภีร์ไม่เคยสอนว่า เพศสัมพันธ์ต้องเปิดโอกาสให้มีลูกเท่านั้นจึงจะถูกต้องตามศีลธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ไม่ได้กล่าวโทษคู่สมรสที่ไม่สามารถมีลูกได้ ชีวิตสมรสของอับราฮัมกับซาราห์​ (ในปฐมกาล 18) และ เอลคานาห์กับฮันนาห์​ (ใน 1 ซามูเอล 1) ต่างเป็นสิ่งถูกต้องแม้ตอนพวกเขายังไม่มีลูก

    • ในยุคปัจจุบัน คริสตจักรคาทอลิก ซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนหลักของแนวคิดนี้ ได้เปลี่ยนจุดยืนในเรื่องศีลธรรมของเพศสัมพันธ์ จาก “เพื่อการสืบวงศ์ตระกูลเท่านั้น” ไปเป็น “เพื่อเปิดโอกาสให้มีลูก” แสดงให้เห็นว่า​ คริสตจักรคอทอลิกไม่มีปัญหาถ้าคู่รักชายหญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้จะแต่งงานกัน ดังนั้นเหตุผลนี้จึงไม่สามารถนำมาใช้ปฏิเสธคู่รักเพศเดียวกันได้

  3. Anatomical Complementarity

    คือแนวคิดที่ว่า ชายหญิงคู่กันทางร่างกายที่สอดใส่เข้ากันได้ เมื่อผู้โต้เถียงไม่สามารถเหตุตรงกันในเหตุผลที่ผ่านมาสองข้อได้ ก็มักจะสรุปลงที่ข้อนี้แทน

    • แต่ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่กล่าวถึง​ความคู่กันทางกายวิภาค นั่นคือ “ความเข้ารูป” ของอวัยวะเพศหญิงและชาย

คำถาม: แล้วในปฐมกาลบทที่ 1-2 พระคัมภีร์ไม่ได้สอนว่าผู้ชายกับผู้หญิงถูกสร้างมาเพื่อคู่กันหรือ?

อดัมและเอวา

“เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดาและมารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”

ปฐมกาล 2:24

คำถาม: แล้วในมัทธิว 19:1-12 พระเยซูไม่ได้สอนหรอกหรือว่าการแต่งงานเป็นไปได้แค่ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง?

คำถามชวนคุย 🗣️
  • ความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกันผิดหลัก “ความคู่กันของชายหญิง” (Gender Complementarity) อย่างไร?
  • หลักการของความคู่กันของชายหญิงที่ว่านี้ มีสอนในพระคัมภีร์หรือไม่ เป็นบรรทัดฐานที่สามารถนำมาใช้ทุกยุคทุกสมัยได้มั้ย?

ข้อแนะนำในบทสนทนา

เวลาคนอ้างเรื่อง “ความคู่กันของชายหญิง” (Gender Complementarity) คุณควรจะเจาะลึกลงไปว่าเขานิยามอย่างไร ด้วยว่าแนวคิดนี้มีความหมายที่หลากหลาย การไม่มีคำนิยามที่แน่ชัดทำให้เกิดการอนุมานไปต่าง ๆ นานา กลายเป็นถกไปคนละเรื่อง แถมยังไม่อยู่บนคำสอนจากพระคัมภีร์อีกด้วย