ชุมชนคริสเตียนที่ยืนยันอัตลักษณ์ของ LGBTQIA+

บทที่ 2: ประเพณีคริสเตียนไม่ได้พูดเรื่องเพศวิถี (Sexual Orientation)

Based on: https://reformationproject.org/case/tradition/

คำถามชวนคุย 🗣️
  • คุณเข้าใจว่าเพศวิถี (sexual orientation) คืออะไร? → แนะนำให้อ่าน เรื่องความหลากหลายทางเพศ เพื่อทำความเข้าใจ
  • คุณคิดว่าเพศวิถี (sexual orientation) เป็นสิ่งที่คนเลือกเอง หรือว่ามีมาแต่เกิด? คุณได้เลือกเพศวิถีของตัวเองหรือไม่ เมื่อไหร่?
คำสอนที่สนับสนุน LGBTQ+
💡
ประเพณีคริสเตียนไม่ได้พูดเรื่องเพศวิถี (sexual orientation)
คำสอนที่ไม่สนับสนุน LGBTQ+
การสนับสนุนความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันเป็นการล้มล้างประเพณีคริสเตียนที่เก่าแก่กว่า 2,000 ปี

ในช่วงประวัติศาสตร์ 1,600 ปีแรกของคริสตจักร คริสเตียนเกือบทุกคนเชื่อว่าโลกตั้งนิ่ง ไม่เคลื่อนที่อยู่ที่ศูนย์กลางของจักรวาล แต่การประดิษฐ์กล้องดูดาวทำให้คริสเตียนเปลี่ยนการตีความพระคัมภีร์

“ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่า พระเจ้าผู้ทรงประทานจิตสำนึก เหตุผล และสติปัญญา จะปรารถนาให้เราละทิ้งสิ่งเหล่านั้น”

กาลิเลโอ กาลิเลอิ 1564–1642

คริสเตียนในปัจจุบันก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับข้อมูลชุดใหม่ในเรื่องของเพศวิถี

คนในยุคโบราณเชื่อว่า แรงดึงดูดหรือพฤติกรรมทางเพศต่อเพศเดียวกันนั้นเป็นกิเลสส่วนเกินที่อาจจะเกิดได้กับทุกคน เฉกเช่นความตะกละและการเมามาย ในสมัยนั้นไม่มีความเข้าใจว่ามันคือเพศวิถีของคนส่วนน้อย

ตัวอย่างงานเขียนยุคโบราณที่พูดถึงพฤติกรรมทางเพศของเพศเดียวกัน:

Musonius Rufus (นักปรัชญาโรมันในศตวรรษที่ 1)

“ชีวิตที่หรูหราและปล่อยตามใจตัวก็ขึ้นกับกิเลสทางเพศอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างเช่น คนที่ใช้ชีวิตแบบนั้นโหยหาความรักหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ตามกฎหมายแต่รวมไปถึงแบบที่ผิดกฎหมายด้วย ไม่ใช่แค่กับผู้หญิงแต่กับผู้ชายด้วย ตามจีบคนนั้นที คนนี้ที กับคนที่ว่างก็ไม่พอ ยังตามจีบคนที่เข้าถึงไม่ได้อีกด้วย”

Dio Chrysostom (นักพูดกรีกโรมันในศตวรรษที่ 1)

“ชายผู้ซึ่งไม่รู้จักพอในเรื่องเหล่านี้ [มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิง] เมื่อเขาพบว่ามันไม่มีความยาก ไม่มีแรงต้านจากกลุ่มนี้ เขาก็จะเบื่อหน่ายกับชัยชนะที่ได้มาง่ายๆ และพาลรังเกียจความรักของสตรีว่าพร้อมยอมง่ายเกินไป ซึ่งคือมีความเป็นหญิงเกินไป จึงเบนแผนศึกต่อชายชาตรี กระเหี้ยนกระหือรือจะทำให้ชายหนุ่มว่าที่นักปกครอง ผู้พิพากษา และนายพล แปดเปื้อน โดยเชื่อว่าความสุขแบบนั้นจะลำบากและหาได้ยาก”

คำบรรยายเหล่านี้ไม่เพียงจะแตกต่างจากเพศวิถีของคนรักเพศเดียวกันแล้ว ยังแตกต่างจากเพศวิถีแบบรักหลายเพศ (bisexual) อีกด้วย เนื่องจากคนสมัยนั้นได้อธิบายพฤติกรรมของการรักเพศเดียวกันว่าเกิดจากราคะที่มากเกิน ไม่ใช่ความต้องการทางเพศปกติทั่วไป

คำถาม: อย่างนั้นแสดงว่าผู้เขียนพระคัมภีร์ขาดความเข้าใจ หรือเข้าใจผิดในเรื่องความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันหรือไม่?

  • ไม่ใช่ พฤติกรรมทางเพศต่อเพศเดียวกันในสมัยโบราณเป็นไปตามคำอธิบายว่าด้วยการตามใจตนในเรื่องความใคร่ ทั้งเพศสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสชาย โสเภณี และ pederasty (เพศสัมพันธ์ระหว่างชายผู้ใหญ่และเด็กผู้ชาย)
  • ความเข้าใจในเรื่องพฤติกรรมทางเพศของเพศเดียวกันว่าเกิดจากความใคร่ที่มากล้นเกินอธิบายปรากฏการณ์ที่แพร่หลายในสมัยนั้นได้อย่างถูกต้อง
เพศสัมพันธ์ระหว่างนายและทาสชายนั้นปรากฏอยู่ทั่วไป

คำถาม: แต่สมัยนั้นก็น่าจะมีชาว LGBTQ ที่มีความสัมพันธ์จริงจังบ้างไม่ใช่หรือ?

💡
แถม! แนะนำหนังสือ

หนังสือชนะรางวัลของ Nissinen ได้สำรวจความคิดเห็นของโลกโบราณในเรื่องของความรักระหว่างเพศเดียวกัน (homoeroticism) โดยมุ่งเน้นที่พระคัมภีร์และวัฒนธรรมแวดล้อม อาทิ เมโสโปเตเมีย กรีซ โรม และ อิสราเอล Nissinen กล่าวถึงแหล่งข้อมูลและบริบททางประวัตศาสตร์ต่าง ๆ ได้กระชับและอ่านง่าย

ดูหนังสือ

คำถาม: แล้วงานเขียนโบราณที่บรรยายความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันล่ะ?

คำถาม: ไม่มีงานเขียนโบราณที่พูดเรื่องเพศวิถีเลยหรือ?

💡

คริสเตียนที่สนับสนุนชาว LGBTQ ไม่ได้ล้มล้างประเพณีที่คริสเตียนปฏิบัติต่อคนกลุ่มนี้ เพราะคริสเตียนไม่มีประเพณีปฏิบัติต่อชาว LGBTQ จนกระทั่งไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมานี่เอง

คำถามชวนคุย 🗣️
  • ทำไมการเปลี่ยนความคิดในการตีความพระคัมภีร์ ถึงยากสำหรับคริสเตียนบางกลุ่ม?